บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) เดิมคือห้างหุ้นส่วนจำกัด เซ่งเชียงล้ง ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2507 เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ของอีซูซุ (ISUZU) อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2512 ต่อมาในภายหลังได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2524 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 5 ล้านบาท และได้ขยายการดำเนินธุรกิจรวมถึงเพิ่มชนิดของผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อะไหล่มากกว่า 167,000 รายการ ทั้งผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FUSO, FORD, NISSAN และ CHEVROLET นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, EXEDY, DENSO และ TOKICO
ตลอดระยะเวลากว่า 58 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นในการจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพและปรับปรุงการให้บริการแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ รวมถึงความพร้อมและความเชี่ยวชาญของบุคลากรในองค์กรที่มีความรู้และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์อย่างลึกซึ้ง ส่งผลให้บริษัทฯได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 1,600 รายครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยทั้งกลุ่มผู้ประกอบการอะไหล่รถยนต์ขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนกลุ่มธุรกิจศูนย์บริการที่มีสาขาจำนวนมากและกลุ่มบริษัทประกันภัย นอกจากนี้ บริษัทฯ ปรับตัวและต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Lazada , Shopee , Big Thailand และ Egg Mall เป็นต้น ด้วยความมุ่งมั่นในการให้บริการ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะเสนอขายสินค้าอะไหล่แท้และอะไหล่อื่น ๆ ที่ได้มาตรฐาน และการให้บริการที่รวดเร็วและเป็นมิตร เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับอะไหล่ที่ถูกต้องและรวดเร็วสมดังสโลแกนของบริษัทฯ “ถูกทุกชิ้น แท้ทุกส่วน”
จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด เซ่งเชียงล้ง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2507 เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์
ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ของ ISUZU
ในประเทศไทยจาก Kyodo Sangyo Company Limited
ประเทศญี่ปุ่น (ปัจจุบัน คือ ISUZU A&S Company Limited)
ซึ่งในภายหลังได้รับการแต่งตั้งโดยบริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด
จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ในชื่อบริษัท เอสทีเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2524
เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์แทน ห้างหุ้นส่วนจำกัด
เซ่งเชียงล้ง รวมทั้งรับโอนสิทธิในการเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่
รถยนต์ของ ISUZU
จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็นบริษัท เอส.ซี.แอล. มอเตอร์ พาร์ท จำกัด เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2532
บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ของ
MITSUBISHI ในประเทศไทยจากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
(ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 5,000,000 บาท เป็นจำนวน
10,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม
2536 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
บริษัทฯ เริ่มจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ของ FORD, MAZDA และ
NISSAN รวมถึงผลิตภัณฑ์อะไหล่ทดแทน เช่น
วาล์วน้ำ Tama และ โช้คอัพ KYB
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 10,000,000 บาท เป็นจำนวน
15,000,000 บาทด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2542
เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 15,000,000 บาท เป็นจำนวน
20,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2544
เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 20,000,000 บาท เป็นจำนวน
25,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 26 กันยายน
2545 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 25,000,000 บาท เป็นจำนวน
45,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม
2545 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 45,000,000 บาท เป็นจำนวน
55,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาทเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม
2546 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 55,000,000 บาท เป็นจำนวน
67,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
120,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม
2547 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
ได้รับการรับรองคุณภาพ ISO9001:2008 จาก TÜV Rheinland Cert GmbH
ซึ่งถือเป็นบริษัทแรกที่ได้รับการรับรองคุณภาพ
ในกลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์
- บริษัทฯ เริ่มขยายตลาดไปยังลูกค้าศูนย์บริการรถยนต์ทั่วไปประเภทเร่งด่วน (Fast Fit)
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 67,000,000 บาท เป็นจำนวน
68,518,000 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
15,180 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2549
- บริษัทฯ ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้ากาญจนาภิเษก อ.ลาดหลุมแก้ว
จ.ปทุมธานี ขนาดพื้นที่ 9 ไร่ มีพื้นที่อาคารศูนย์การกระจายสินค้า
ขนาด 6,000 ตารางเมตร
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 68,518,000 บาท เป็นจำนวน
80,000,000 บาทด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
114,820 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม
2551
บริษัทฯ เริ่มจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ของ TOYOTA บริษัทฯ
ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่
รถบรรทุกหัวลากของ FUSO ในประเทศไทยจาก บริษัท ฟูโซ่ ทรัค (ประเทศไทย)
จำกัด
ซึ่งในภายหลังได้รับการแต่งตั้งโดยบริษัท
เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ของ
HONDA ใน ประเทศไทยจากบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล
(ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัทฯ ได้เริ่มทำระบบคอลเซ็นเตอร์ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า
- บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ของ
FORD ใน ประเทศไทยจากบริษัท ฟอร์ด เซลส์
แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัทฯ
ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ทดแทนของ
DENSO ในประเทศไทยจากบริษัท เด็นโซ่
(ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัทฯ
ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ทดแทนของ
AISIN ในประเทศไทยจากบริษัท ไอชิน
เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัทฯ
ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไส้กรองรถยนต์ของ TOKYO
ROKI จากบริษัท โตเกียว โรคิ
(อินโดนีเซีย) จำกัด
- บริษัทฯ เริ่มจำหน่ายอะไหล่ในช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์ม E-Commerce ต่างๆ
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการ ดังนี้
- แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
- เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 45 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 80
ล้านบาท เป็น 125 ล้านบาท โดยการ
ออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50
บาท ซึ่งมีรายละเอียดการจัดสรรดังนี้
หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 20 ล้านหุ้น
เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม
ซึ่งผู้ถือหุ้นได้ทำการจองซื้อและ
ชำระค่าหุ้นเรียบร้อยแล้ว
ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีทุนชำระแล้วเท่ากับ 90 ล้านบาท
หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 70 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชน